สงครามการค้า สหรัฐฯ × จีน (สรุปความสั้นๆ)
🚩สรุปสงครามโลกครั้งที่3 สงครามการค้า
สงครามการค้า คืออะไร?
มันคือการที่ประเทศต่าง ๆ พยายามทำลายการค้าของกันและกัน ด้วยการใช้กำแพงภาษี ซึ่งเก็บจากสินค้าส่งออก หรือ นำเข้า
ทำไมเราต้องสนใจเรื่องนี้?
เพราะคุณอาจจะบริโภคสินค้านำเข้าหลายอย่างอยู่ก็ได้ ถ้าคุณกำลังอ่านข่าวนี้ทางไอโฟน มันถูกออกแบบในสหรัฐฯ แต่ประกอบในจีน และชิ้นส่วนสำคัญมาจากหลายที่ เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
ดังนั้น ถ้าสหรัฐฯ ใช้กำแพงภาษี ประเทศเหล่านี้จะได้รับผลกระทบ ในด้านของการจ้างงาน แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องรับภาระอีก พวกเขาอาจปรับราคาขายโทรศัพท์ขึ้นไป
ทำไมสงครามการค้า จึงเกิดขึ้นในตอนนี้?
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ต้องการให้สหรัฐฯ ผลิตสินค้ามากขึ้น เพื่อกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงาน และลดการขาดดุลการค้าลง จริง ๆ แล้ว สหรัฐฯ ซื้อสินค้าจากจีนมากกว่าขายให้
แต่จีนต้องการเป็น ผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี อย่างปัญญาประดิษฐ์ และมีแผนจะทำเรื่องนี้ในโครงการที่ชื่อว่า "เมด อิน ไชน่า 2025" (Made in China 2025)
เกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง?
สหรัฐฯ ได้บังคับใช้กำแพงภาษีในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงเหล็กและอะลูมิเนียม นอกจากนี้ยังขู่ว่าจะตั้งกำแพงภาษีเพิ่ม ส่วนจีนตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีในสินค้าด้านการเกษตรของสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง
แต่ใครที่ได้ผลประโยชน์ จากเรื่องนี้?
ประเทศที่มาช่วยอุดช่องว่างให้แก่สหรัฐฯ และจีน ด้วยการขายสินค้าที่ถูกกว่า เช่น อุตสาหกรรมฝ้ายของบังกลาเทศ, ผู้ผลิตของเล่นในเม็กซิโก และคนตัดเย็บเสื้อผ้าในเวียดนาม
แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ บอกว่า ขณะที่สินค้ามีราคาแพงขึ้นจากสงครามการค้า ผู้ได้รับความเสียหายคือ ผู้บริโภค
นี้เป็นรายชื่อประเทศ ที่ถูกเอ่ยขึ้นในช่วงนี้
1. สหรัฐอเมริกา
💠 สหรัฐฯ ตอบโต้การโจมตีของจีน โดยได้ตั้งกำแพงภาษีต่อการนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวๆ 6.6 ล้านล้านบาท
สหรัฐฯ ระบุว่า ใช้มาตรการนี้เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีน
2. แคนาดา
💠 ได้จับกุม นางสาวเหมิง หวันโจว บุตรสาวของ นายเหริน เจิ้งเฟย ประธานและผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย กรณีบริษัทหัวเว่ยอาจละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านนั้นเอง
3. จีน
💠ทางการจีนยืนยัน ตอบโต้แคนาดา ว่าพวกเขาจับกุม ชาวแคนาดารายที่ 2 แล้ว เป็นนักธุรกิจชื่อว่า ไมเคิล สแปวอร์ ในข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งจับกุมนาย ไมเคิล โควริก อดีตทูตแคนาดาประจำประเทศจีนในข้อหาเดียวกัน
💠จีน โจมตีสหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีใหม่ต่อสินค้าของสหรัฐฯ เป็นมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1.99 ล้านล้านบาท ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น แก๊สธรรมชาติเหลว ที่ผลิตในรัฐที่เป็นฐานเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ
💠 จีน ตอบโต้สหรัฐฯ โดยรัฐบาลจีนประกาศกำหนดอัตราภาษีศุลกากรสูงถึงร้อยละ 25 สำหรับการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รวม 128 รายการ มูลค่าประมาณ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 93,400 ล้านบาท) ซึ่งรวมเนื้อหมูและไวน์
(แคนาดา ระบุเป็นการเอาคืนที่ยอมรับไม่ได้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกประเทศทั่วโลกปฏิบัติต่อพลเมืองของประเทศอื่นด้วยท่าทีที่เหมาะสม)
4. เกาหลีใต้
💠 การปะทะกันของสงครามการค้าเป็นปัจจัยเร่งให้เกาหลีใต้ตัดสินใจ ย้ายบริษัทออกจากประเทศจีน และอาจส่งผลให้มีการลดลงของเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก และ กำลังสนใจ เวียดนาม แทน ปัจจุบันนี้ มีบริษัทเกาหลีใต้ ได้ย้ายไป เวียดนามแล้ว ดังต่อไปนี้...
- “ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์” ผู้ผลิตโทรศัพท์รายใหญ่ของโลก
- “ล็อตเต้” ห้างยักษ์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้
เกาหลีระบุว่า เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงภาษีศุลการกร จากการนำเข้าสินค้าจีนสู่อเมริกา
และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ค่าแรงคนจีนที่สูงขึ้นเป็น 800 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อคน ขณะที่ค่าแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 250-400 ดอลลาร์
5. รัสเซีย
💠 ทางรัสเซีย ได้ชี้แจงต่อ WTO ว่าหลังจากสหรัฐฯ ใช้นโยบายขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กกล้าที่ร้อยละ 25 และร้อยละ 10 สำหรับสินค้าประเภทอลูมิเนียม เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัสเซียได้รับผลกระทบทางภาษีจากยอดส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ 538 ล้านดอลลาร์ และ เตรียมใช้มาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ
6. ตุรกี
💠 ตุรกีต้องเสียภาษีเพิ่มในสินค้ากลุ่มนี้ราว 267 ล้านดอลลาร์ เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และ เตรียมใช้มาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
7. ญี่ปุ่น
💠 ก็เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบราว 440 ล้านดอลลาร์ และ เตรียมใช้มาตรการตอบโต้ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
💠 ตอนนี้ทั้ง รัสเซียและญี่ปุ่น ยังไม่เปิดเผยมาตรการตอบโต้กับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ แต่ ทางตุรกี ได้ระบุมาตรการตอบโต้กับสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ 22 รายการ ครอบคลุมทั้งสินค้าเกษตรอย่างถั่ว ข้าว ใบยาสูบ ไปจนถึงยานยนต์และสินค้าเหล็กกล้า
8. ประเทศไทย
💠 พาณิชย์ จับตาอย่างใกล้ชิด สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ คาดว่าสินค้าไทย ได้อานิสงส์ทดแทน สินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ เพียบ!!
ทั้งนี้ประเมินว่า แม้ไทยอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมหากมีการขึ้นภาษีรอบใหม่ แต่ก็ยังมีโอกาสส่งออกสินค้าทดแทนสินค้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกัน โดยกลุ่มสินค้าที่ไทยมีโอกาสทดแทนสินค้าจีน ในตลาดสหรัฐฯ อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ถั่วแห้ง แผ่นยางสดรมควัน ข้าวสี ยางแท่ง, กลุ่มผักผลไม้สด แช่แข็ง แช่เย็นและแปรรูป เช่น กล้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มะพร้าว ฝรั่ง มะม่วง มังคุด มะละกอ สับปะรด เป็นต้น กลุ่มอาหารทะเลแช่แข็ง และแปรรูป เช่น ปลาทูน่าบิ๊กอาย ปลาทูน่าท้องแถบ ปลาทูน่าครีบเหลืองสดและแช่แข็ง เนื้อปลาแช่แข็ง
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น น้ำผึ้งธรรมชาติ, กลุ่มอาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่ม เช่น อาหารสุนัข/แมวสำหรับขายปลีก เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ไม่ใช่น้ำผลไม้, กลุ่มเคมีภัณฑ์และเม็ดพลาสติก เช่น กรดซิตริก, กลุ่มยานยนต์และส่วนประกอบ เช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน ยางรถยนต์ เป็นต้น.
แต่ไทยก็ไม่ควรประมาท และนี่ถือว่าเป็น Plan B ของประเทศไทยที่จะเตรียมรับมือศึกสงครามการค้าในอนาคตหรือไม่
โดย ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า จุดยืนของประเทศไทยยังคงเดินหน้าสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ที่จะมีการพัฒนาสู่ระบบเศรษฐกิจที่เป็น Digital Economy โดยเร่งปรับตัวในยุทธศาสตร์ 6 ด้านคือ ความร่วมมือและสร้างสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับกลุ่มอาเซียนที่มากขึ้น การเพิ่มประสิทธิในดัชนีการลงทุน การพัฒนาการเกษตรไทยสู่โลก การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การรักษาดัชนีความเชื่อมั่น และรักษาขีดแข่งขันของประเทศ
"สกุลเงิน ดอลล่าร์ หรือ หยวน จะครองโลกนะ"
📌 รวบรวมข้อมูล โดย Yazaell
อ้างอิงจากทุกแหล่งข่าว ประเทศไทย
Copyright © 2018 Yazaell. เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์ภายนอก. นโยบายของเราเรื่องการเชื่อมต่อไปยังลิงก์ภายนอก.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น